6 วิธี ช่วยให้คุณหยุดตด ;D
เบนจามิน แฟรงคลิน นักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง เคยกล่าวว่าชีวิตมีสองอย่างคือ ความตาย และ ภาษี อย่างไรก็ตาม
เราคิดว่าเขาพูดไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะชีวิตยังมีเรื่อง ตด ;D ท้องอืด ผายลม แก๊ส… คุณคงเข้าใจ
ไม่ว่าคุณจะเรียกมันว่าอะไร ทุก ๆ คนเคยตด อันที่จริง คนทั่วไปตดระหว่าง 5 ถึง 15 ครั้งต่อวัน โดย มักจะตด หลังการกินอาหารมากเกินไป
แม้ว่าจะเหมือนเป็นเรื่องธรรมชาติ ที่ร่างกายจำเป็นต้องทำ แต่คนเราก็ยังเขิน เมื่อต้องทำการตด ต่อหน้าผู้คน
เราทุกคนต่างนั่งทำงานและพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ตดออกมาก เพราะมีคนหลายคน นั่งอยู่กับเรา หรือไม่ก็แอบเนียน ๆ ตด
และ หวังว่าจะไม่มีใครแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกลิ่นที่น่าสงสัย 555 แต่สิ่งทำได้ มีเพียงนั่งบิดตัวไปมา กักแก๊สในตัว อย่างสิ้นทางเลือก
ถ้าเรื่องนี่เป็นปัญหา กับคุณบ่อย ทำยังไงมันก็ปวดตดบ่อย จัดการไม่ได้สักที งั้นเราขอเสนอ 6 วิธี ที่จะช่วยให้หยุดตด หรือ ตดน้อยลง 55555
ความจริงไฟเบอร์ก็ดี และเป็นสิ่งที่ได้รับการแนะนำว่า ต้องกินทุกวัน แต่การกินมากเกินไป มักเป็นตัวการสำคัญสำหรับก๊าซที่ทำให้เราตด
ระบบย่อย มักจะต้องทำงานหนักขึ้น เมื่อต้องพยายามย่อยพวก ถั่ว ถั่วเลนทิล ข้าวไรย์ แอปเปิ้ล บร็อคโคลี่
อาหารที่มี FODMAP สูง (คาร์โบไฮเดรตสายสั้นที่เลี่ยงการย่อยอาหาร) “ไฟเบอร์นั้นย่อยยาก และเราพึ่งพาแบคทีเรียในลำไส้ของเรา
ในการย่อยสลายโดยการหมักพวกไฟเบอร์ ในลำไส้ใหญ่ของเรา
” ดร.แอนโธนี่ ฮอบสัน ผู้อำนวยการคลินิกของThe Functional Gut Clinicอธิบาย “สิ่งที่ได้จากการหมักคือก๊าซ เหตุใดอาหารที่มีเส้นใยสูงอาจทำให้เกิดอาการท้องอืดได้”
ข้อเท็จจริงที่ไม่ค่อยมีใครรู้ ส่วนผสมที่มีเส้นใยสูง อาจเป็นสาเหตุของอาการท้องผูกได้เช่นกัน ดังนั้น หากคุณมีวันที่ต้องประชุมสำคัญ โปรดงดถั่วทุกรูปแบบ เพื่อความเซฟ
เพิ่มเติม ถ้าเกิดเคย “ตดแบบเผ็ด” ไม่ต้องแปลกใจ กินอะไรก็ตดเป็นอันนั้นละ ไม่ต้องทำเป็นสงสัยเลยว่าทำไมมันแสบ ๆ หลังจากกินส้มตำปูปลาร้าครกใหญ่ ใส่พริก 20-30 เม็ด
เช่นเดียวกับการรับประทาน บีทรูท หรือ รูบาร์บ ที่ทำให้ปัสสาวะของคุณเป็นสีชมพู ส่วนประกอบที่ร้อนตามธรรมชาติของอาหารรสเผ็ดทำให้ลำไส้และทวารหนักระคายเคืองได้
การผสมผสานของไฟเบอร์กับน้ำตาลแปรรูป ไขมันทรานส์ น้ำมันกลั่นและคาร์โบไฮเดรต แอลกอฮอล์ และเนื้อสัตว์แปรรูป
เป็นผลไม่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีภาวะลำไส้เรื้อรัง เช่นIBSหรือการแพ้อาหารอื่นๆ
ระดับของก๊าซที่ทำให้ไม่สบายตัว แล ะท้องอืดหลังรับประทานอาหารเหล่านี้จะอยู่ในระดับสูง
หากเป็นเช่นนั้นสำหรับคุณ ให้ตรวจสอบกับแพทย์เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ใช่ว่ากินไฟเบอร์แล้วเป็น
การดื่มน้ำให้เพียงพอทุกวันมีประโยชน์มากมาย ตั้งแต่ช่วยให้ไตทำงานอย่างดี จนถึงเรื่องการดูแลผิวพรรณ แต่เรื่องของแก๊ส น้ำเป็นตัวช่วยบอกได้
นักโภชนาการSejal Jacobอธิบายว่า “ภาวะขาดน้ำอาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของลำไส้และการเคลื่อนไหวของอาหารในลำไส้ของคุณ
ปริมาณของเหลวที่เพียงพอจะช่วยควบคุมลำไส้ของคุณ ซึ่งช่วยป้องกันอาการท้องผูกและการผลิตก๊าซส่วนเกิน”
เกร็ดน่ารู้ :การเติมขิง (1200 มก.) ลงในน้ำอาจช่วยให้แก๊สหมดเร็วขึ้น
ใช่ การเดินช่วยเพิ่มสุขภาพของหัวใจ เพิ่มภูมิคุ้มกัน และเผาผลาญแคลอรี
จากการศึกษาพบว่า การเดินช่วยข่วยสลายแก๊ส และ การออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยยับยั้งไม่ให้ ท้องอืด
ให้มองในลำไส้ แก๊สเป็นกรวด ที่พยายามเคลื่อนที่จะเส้นคดโค้ง กว่าจะหลุดออกมาทำได้ ลำบาก และ ถ้าสะสมมาก จะทำให้ลำไส้เน่าได้
การเคลื่อนไหว ทำให้เกิดการสื่อสารกันระหว่าง “ลำไส้ และ สมอง” เจคอบกล่าว “
การออกกำลังกายอย่างการเดินช่วยให้สมองสงบ – ต่อมาช่วยให้ลำไส้สงบลง
ไส้ในหน้าที่คือไส้ที่ระบายแก๊สออกให้พ้นทาง (หรืออย่างน้อยก็มีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์น้อยกว่า) และบางครั้งลำไส้ต้องการความช่วยเหลือเล็กน้อยเมื่อทำงาน
ลำไส้ค่อนข้างชอบโปรไบโอติค โปรไบโอติกคือตัวช่วยที่ดีที่ช่วยเพิ่มระบบย่อยอาหารของคุณ แต่ถ้าไม่รู้ว่ามันคืออะไร
“จุลินทรีย์ในลำไส้ของคุณมีบทบาทสำคัญในการย่อยอาหาร เมื่อแบคทีเรียในลำไส้ของคุณมีความไม่สมดุล แบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรค (ไม่ดี)
อาจทำให้เกิดปัญหาเช่นท้องอืดและลมได้” เจคอบอธิบาย “[โปรไบโอติก] ช่วยปรับสมดุลแบคทีเรียที่ดี”
การรวมอาหารหมักดองไว้ในอาหารของคุณ เช่น กิมจิและคีเฟอร์ เป็นอีกวิธีที่ดีในการเพิ่มแบคทีเรียที่ดี
แม้ว่าโปรไบโอติกจากธรรมชาติหลายชนิดจะมีน้ำตาลอยู่ด้วย แต่คุณอาจต้องการหลีกเลี่ยงชนิดที่เติมเข้าไปเพราะอาจทำให้กองทัพช้าลงเล็กน้อย
ไม่ต้องรีบเร่ง เร่งมือ กินเข้าไป รีบกินให้หมด เพื่อจะจบมื้ออาหาร การกินและดื่มเป็นการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่วิ่ง 100 เมตร
หากคุณกินเข้าไปไวเหมือนหายใจ คุณจะแน่นไว ซึ่งคุณเดาได้เลยว่า “อาจติดกับดักและทำให้ท้องอืดได้”
นอกจากนี้ “การเคี้ยวอาหารอย่างเหมาะสม ช่วยให้เรามีเวลาพิจารณาอาหารมากขึ้น และ นึกถึงขนาด และ ปริมาณการกิน ทำให้ไม่อิ่มจนเกินไป
หลีกเลี่ยงท้องอืด ท้องไส้ปั่นป่วน จากการกินจนอิ่มมากเกินไป ทำให้ระบบย่อยอาหารของคุณทำงานหนักขึ้น ซึ่งนำไปสู่ศัตรูตัวฉกาจ แก๊ส
ถ้าไม่อยากแน่น อืด ช้าลงหน่อยก็ดี
ชีวิต ที่เต็มไปด้วยความเครียด ที่ทับซ้อนกันเป็นเหมือนภูเขา ใหญ่โตมาก แต่ยกออกไปไหนไม่ได้
ความเครียดและความวิตกกังวล โดยความเครียดมาได้แบบไม่เลือกเวลา แม้เราไม่ต้องการ แทรกตัวเข้ามาได้เหมือนหูด
และนอกจากจะส่งผลต่อสุขภาพจิตของเราแล้ว ความคิดกังวลเหล่านี้ ยังสามารถส่งผลกระทบต่อลำไส้ได้เช่นกัน ส่งผลให้เราอยากตดรัว ๆ ถ้าเราเครียด
“เมื่อคุณประสบกับความเครียด ร่างกายของคุณจะเข้าสู่โหมดต่อสู้หรือหนีตาย ทำให้กิจกรรมที่ไม่จำเป็น เช่น การย่อยอาหาร หยุดทำงาน” เจคอบส์อธิบาย
“การทำสมาธิ โยคะ และการรักษาจังหวะการเต้นของหัวใจของคุณโดยการนอนหลับ
และ ตื่นในเวลาที่สม่ำเสมอ ทั้งหมดทำหน้าที่เป็นตัวลดความเครียด” เธอกล่าวเสริม
การหายใจลึกๆ อย่างช้าๆ เข้าไปในกะบังลม สามารถลดความรู้สึกวิตกกังวลได้อย่างรวดเร็ว เช่นกัน
การทำเช่นนี้ส่งสัญญาณไปยังสมอง และ ร่างกายเพื่อลดอัตราการเต้นของหัวใจ และ ความดันโลหิตของคุณ และโดยทั่วไป จะทำให้สิ่ง ต่างๆลดลง
ทั้งนี้ การตดมันไม่เป็นอะไรหรอก เพราะมันเป็นเรื่องธรรมชาติ อย่างมากก็อายหน่อย
อาการท้องอืดเป็นส่วนใหญ่บ่งชี้ว่าร่างกายต้องการกำจัดอึ ออกจากร่างกาย ลดการแน่น ที่ไม่ต้องการ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี